วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

'แฟต เรดิโอ' ทำเก๋ ประกวดดนตรีอากาศ

งานนี้มีเหล่านักศึกษามาร่วมประกวดดนตรีอากาศจากหลากหลายสถาบัน แต่ละคนอวดลีลาเล่นดนตรีอากาศได้ถึงอกถึงใจมั่กๆ เรียกเสียงกรี๊ดจากกองเชียร์ได้สนั่น ทำเอากรรมการตัดใจเลือกลำบากเจงๆ ซึ่งผู้ชนะเลิศโดนใจกรรมการประเภทเดี่ยวได้แก่ นายอัสนัย อาร์ตสกุล จากรั้วศิลปากร ในเพลง Magazine / SLUR และประเภททีม ได้แก่ ทีม Yefilm จากรั้วจุฬาฯ กับเพลง ทฤษฎีเพลงบทที่หนึ่ง คว้าเงินรางวัล 30,000 บาท และกินไอศกรีมเนสท์เล่ฟรีอีก 1 ปี ที่งานนี้เหล่าคณะกรรมการกิตติมศักดิ์ อาทิ ดีเจสอง พาราด็อกซ์, โอ๋ ดูบาดู , ครูรักษ์-ศรัทธา ศรัทธาทิพย์ พร้อมด้วยดีเจสาวสวยประจำคลื่น ก้อย-รัชวิน วงศ์วิริยะ ลงความเห็นแล้วว่า ทำแอร์แบนด์ได้เอ็กซ์ตรีมสุดๆ
ต่อด้วย วงเสลอ ที่ขนเพลงมาเพียบ แถมยังดึงผู้ประกวดมาร่วมแจมบนเวทีอีกตะหาก ปิดท้ายด้วยวงพร็อพเยอะ พาราด็อกซ์ ที่นำซิงเกิ้ลใหม่มาเล่นเปิดในงานนี้ด้วย ตามด้วยเพลงดังอีกเพียบ งานนี้นอกจากร่วมกันสร้างประสบการณ์ทางดนตรีที่แปลกใหม่แล้วยังได้ปลดปล่อยพลังความสนุก จุดชนวนความเอ็กซ์ตรีมที่มีอยู่ในตัวด้วยจินตนาการทางดนตรีไร้ขีดจำกัด แถมยังอิ่มอร่อยกับไอศกรีมฟรีตลอดงาน เก็บความสุขสนุกได้ครบทุกรสชาติเจงๆ

วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ศิลปิน 'ดีว่าส์' รวมตัว โชว์เพลงใต้แสงจันทร์

เทศกาลดนตรีเพลงดี บรรยากาศชิลล์กับสิงห์ คอร์เปอเรชั่น พรีเซนต์ส "ดีว่าส์ อิน เดอะ พาร์ค แอท หัวหิน" รวมพลศิลปินคุณภาพ ในบรรยากาศคลายร้อนเคล้าเสียงคลื่น ใต้แสงจันทร์ ที่สนามโปโล โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน วันเสาร์ที่ 13 มิ.ย. ตั้งแต่ 19.30-24.00 น. ร่วมด้วยดีว่าชื่อดัง ทั้งนันทิดา, นิโคล เทริโอ, อุ๋ม-วฤตตา ภิรมย์ภักดี และแก้ม เดอะ สตาร์ เสริมทัพด้วยศิลปินระดับโลก อาทิ เซเลน่า โจนส์, เอเชียน ซุปเปอร์ แบนด์ นำโดย เคโกะ ลี, แจ็ค ลี, เท็ตซึโอะ ซากูไร และเพื่อนศิลปิน หนึ่ง-จักรวาร เสาธงยุติธรรม พร้อมแขกรับเชิญสุดพิเศษ วงอีทีซีมาร่วมสร้างความประทับใจ บัตรราคา 1,200 บาท ทุกที่นั่ง และพิเศษสุด เมื่อนำฝาเบียร์สิงห์ 2 ฝา รับส่วนลด 200 บาท สอบถามที่ไทยทิกเก็ตเมเจอร์ ทุกสาขา

วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

'เจ๊ฉอด-ดีเจอ้อย' รวมเพลงช้ำรักลงอัลบั้ม

หลังปล่อยอัลบั้ม Green Wave Love Songs เอาใจคนอินเลิฟเมื่อวาเลนไทน์ที่ผ่านมา คราวนี้ เจ๊ฉอด-สายทิพย์ และ ดีเจอ้อย-นภาพร แห่งคลื่น กรีนเวฟ ขอเปลี่ยนแนวเอาใจคนอกหักรักคุดด้วยอัลบั้ม Green Wave Hurt Songs รวมเพลงอกหัก เศร้า เคล้าน้ำตา ให้คนช้ำรักอินหนักน้ำตาไหลพรากมากกว่าเดิม อาทิ เพลง เปลือก (ปนัดดา เรืองวุฒิ), ฉันยังอยู่ได้...คนดี (แอม-เสาวลักษณ์), เป็นเกียรติเกินพอ (มาช่า), ผิดตรงไหน (เบิร์ด-ธงไชย), ดอกราตรี (Endorphin), แค่ได้คิดถึง (ญารินดา) กลับคำเสีย (กัมปะนี), เวลาไม่ช่วยอะไร (คริสติน่า), ลึกสุดใจ (โจ & ก้อง) ฯลฯ
ซึ่ง ดีเจอ้อย เผยว่า "มีหลายคนเคยพูดว่า เวลาที่เราอกหัก เราจะจมอยู่ในกองทุกข์กับการฟังเพลงเศร้าๆไปทำไม ยิ่งฟัง ก็ยิ่งคิด และก็ยิ่งร้องไห้เสียใจ พี่อ้อยว่า ร้องได้ แต่อย่านาน ในทางกลับกัน การฟังเพลงเศร้าๆเนี่ยแหละ เนื้อเพลงที่มีความหมายดีๆ มันก็ทำให้เราคิดได้นะ มันทำให้เราเข้าใจความรักมากขึ้น พร้อมที่จะใช้ชีวิตอยู่กับมัน และเรียนรู้ที่จะมีรักครั้งใหม่ สู้ๆค่ะ ท้อได้ แต่อย่าถอย

วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ตะวันยอแสง 16/03/53

ตอนที่ 15 (ต่อจากวานนี้)

ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ยอแสงตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างหนัก ทั้งพรวนดิน ปลูกผัก รดน้ำ ช่วยงานทุกอย่างในบ้านธาดา หวังจะลืมความเจ็บช้ำเรื่องศักดิ์ระพี วันนี้ก็เช่นกัน ยอแสงช่วยธาดาขนผักไปส่งที่ตลาด บังเอิญเหลือบไปเห็นจิตรใสเดินตามโตกับเกิดไปท้ายตลาด นึกเป็นห่วงจึงตามไปดู

จิตรใสไม่ได้เฉลียวใจว่าถูกหลอกมาทำมิดีมิร้าย ดีที่ยอแสงถือไม้หน้าสามตามเข้ามาทันและขู่พวกนั้นว่าจะแจ้งตำรวจ ถ้าไม่ปล่อยจิตรใส โตขู่กลับว่าถ้าอยากให้ตระกูลเดชาบดินทร์เสียชื่อก็เชิญเรียกตำรวจมาได้เลย จิตรใสอับอายไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ จึงขยับเข้าไปหาโตกับเกิด

"ปล้ำนังยอแสงซะ แล้วฉันจะไม่เอาเรื่องพวกแก...จัดการมันก่อนที่มันจะไปแจ้งตำรวจ"

ยอแสงไม่อยากเชื่อหูตัวเองว่าจิตรใสจะเลวขนาดนี้ โตกับเกิดรีบเข้าไปล้อมกรอบยอแสงแทน ยอแสงเหวี่ยงไม้ในมือไปมา ถอยหลังออกประตู เกิดพุ่งเข้าไปคว้าตัวไว้ แต่ถูกไม้ฟาดเข้ากลางตัวจนหัวคะมำ โตอาศัยจังหวะนั้น พุ่งเข้าล็อกแขนยอแสง เกิดปรี่เข้าไปชกท้องน้อยจนเธอจุกตัวงอ

โตลากเธอไปยังฟูก ขณะที่จิตรใสรีบหนีเอาตัวรอด วิ่งออกมาชนอินตาที่ตามยอแสงมาพอดี อินตาคว้าแขนจิตรใสไว้ก่อนผลักกลับเข้ามาในบ้านเช่า แล้วโดดเข้าไปเตะโตจนล้มกลิ้ง ทั้งสองคนสู้อินตาไม่ได้ โดนอัดจนน่วม ก่อนกระชากคอเสื้อไอ้พวกคนชั่วเหวี่ยงไปกองแทบเท้ายอแสง สั่งให้กราบขอโทษเธอเดี๋ยวนี้ แล้วจะได้เอาไปส่งตำรวจ โตกับเกิดกลัวลนลานยกมือไหว้ขอร้องอย่าจับพวกตนส่งตำรวจ

"ปล่อยพวกเขาไปเถอะลุงอินตา ยอแสงไม่อยากให้ชื่อเสียงของคนในบ้านเดชาบดินทร์ต้องมัวหมอง ไม่อยากให้คุณแม่ใหญ่เสียใจเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก"

อินตาชมว่ายอแสงจิตใจสูงยิ่งกว่าดวงตะวัน ไล่โตกับเกิดไปให้พ้นหน้า อย่าโผล่มาให้เห็นอีก ทั้งสองคนเผ่นแน่บไปทันที จิตรใสแต่ใจสกปรกไม่สมกับชื่อ นั่งหน้าซีดเผือดอยู่ใกล้ๆ ละล่ำละลักขอร้องยอแสงว่าอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร ยอแสงเห็นใจจึงรับปาก

ครู่ต่อมา อินตาประคองยอแสงที่ยังเดินไม่ค่อยไหวจะไปส่งบ้านธาดา ยอแสงแปลกใจว่าทำไมลุงอินรู้ว่าเธออยู่ที่บ้านเช่า อินตาโกหกว่าผ่านมาเจอพอดี แต่ที่จริงเขาคอยตามดูแลยอแสงตลอดเวลา

"ยอแสงสมควรเป็นลูกลุงอิน เพราะทุกครั้งที่เดือดร้อน ลุงจะมาช่วยยอแสงเสมอ ยอแสงกราบขอบพระคุณลุงมากนะจ๊ะ" ยอแสงกราบที่อกอินตา ยืนโงนเงนเหมือนจะหมดแรง

อินตาออกปากให้ยอแสงขี่คอตนเองไปดีกว่า ยอแสงลังเล อินตาขอให้เธอคิดว่ากำลังขี่หลังพ่อตอนเด็กๆก็แล้วกัน ยอแสงยกมือไหว้ขอบคุณเขาอีกครั้ง ก่อนขึ้นหลังอินตาอย่างเกร็งๆ อินตาแบกยอแสง ยิ้มอย่างมีความสุขฉุกคิดถึงอดีต ตอนที่ยอแสงหรือตะวันยังเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆกำลังขี่คอเขา

อินตาเผลอฮัมเพลงเบาๆ ยอแสงฟังเพลงไปยิ้มเคลิ้ม รู้สึกคุ้นเคย บอกอินตาว่าตอนเด็กๆเธอจำได้ว่าพ่อของเธอชอบให้เธอขี่คอแล้วร้องเพลงให้ฟังทุกวัน รู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด ผล็อยหลับไปอย่างอ่อนเพลีย อินตายิ้มดีใจที่ยอแสงจำได้ และตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ปล่อยให้ลูกเป็นอันตรายเด็ดขาด

ooooooo

ที่บ้านเดชาบดินทร์ พร้อมมิตรตกใจมากเมื่อรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับจิตรใส นพดลผ่านมาได้ยินสองสาวคุยกันจึงแอบฟัง จิตรใสเล่าว่ายังโชคดีที่ยอแสงเข้ามาช่วยไว้ทัน แต่ไม่ยอมบอกเรื่องที่ตัวเองใช้โตกับเกิดทำร้ายยอแสง พร้อมมิตรจะไปแจ้งตำรวจมาจัดการพวกนั้น

จิตรใสขอร้องว่าอย่าทำ เธอทนอับอายขายหน้าไม่ได้ พร้อมมิตรโกรธแทนจิตรใส แต่ก็ห่วงหน้าตาของน้องเช่นกัน... ฝ่ายนพดลรอจังหวะที่จิตรใสอยู่คนเดียว เข้าไปขอร้องช่วยพูดกับพริ้มเพราให้ยอแสงกลับเข้ามาอยู่ในบ้านนี้อย่างเดิม เป็นการตอบแทนที่ยอแสงช่วยเธอไว้

"ฉันเกลียดนังยอแสง เกลียดขี้หน้ามันพอๆกับแก ต่อให้มันช่วยฉันอีกกี่ครั้ง ฉันก็จะไม่มีวันยอมให้มันกลับเข้ามาเหยียบบ้านเดชาบดินทร์อีก" จิตรใสสะบัดหน้าเดินหนีไป...

คืนนั้น ขณะที่ธาดากำลังดุยอแสงที่ไปช่วยจิตรใสเพียงลำพัง ศักดิ์ระพีพรวดพราดเข้ามากระชากแขนยอแสงด้วยความโกรธ สั่งให้กลับบ้านเดี๋ยวนี้ ยอแสงงงว่าเรื่องอะไรกัน พอเห็นพร้อมมิตรตามเข้ามา เธอรู้ทันทีว่าพร้อมมิตรต้องพูดใส่ร้ายอะไรอีกแน่ เป็นจริงอย่างที่ยอแสงคาด

พร้อมมิตรแต่งเรื่องว่ายอแสงควงผู้ชายไม่ซ้ำหน้า วันนี้ควงธาดา วันรุ่งขึ้นควงโตกับเกิด ศักดิ์ระพีหลงเชื่อ จะเอาตัวยอแสงกลับไปให้ได้ ยอแสงเสียใจที่เขาเชื่อคำพูดของคนอื่นก่อนจะถามความจริงจากเธอ จึงไม่ยอมแพ้ ยืนยันว่าไม่กลับ จะอยู่ที่นี่ ศักดิ์ระพีอยากรู้เหตุผล

"เพราะยอแสงเป็นแค่เด็กข้างถนน เป็นคนชั้นต่ำที่ชอบคิดอะไรที่ต่ำๆ ไม่ว่าจะถูกชุบเลี้ยงให้ดียังไง สุดท้ายดินก็ต้องกลับคืนสู่ดินอยู่ดี...อาเล็กเลิกยุ่งกับยอแสง แล้วกลับไปจัดการงานแต่งงานกับใจบุญให้เรียบร้อยเถอะค่ะ"

"อะไรนะคะ อาเล็กจะแต่งงานกับใจบุญงั้นรึ เป็นไปได้ยังไง ไม่จริงใช่ไหมคะอาเล็ก" พร้อมมิตรตกใจปรี่เข้าไปเขย่าแขนศักดิ์ระพี น้ำตาคลอเบ้า ศักดิ์ระพีนิ่งไม่อยากพูดอะไรให้ใจบุญเสียหาย

ooooooo เช้าวันใหม่ นพดลไปดักรอใจบุญที่ตลาดในเมือง ขอร้องใจบุญให้ล้มเลิกงานแต่งงาน เธอรู้แก่ใจดีว่าคืนนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ทำไมไม่พูดความจริง ใจบุญไม่พอใจ สั่งให้เขาหยุดพูด เธอไม่อยากฟัง

"พี่ยอรักอาเล็กมาตลอด เพราะความเห็นแก่ตัวของเธอ ทำให้พี่ยอเสียใจ ถ้าเธอไม่ยอมพูดความจริงก็เท่ากับเธอทรยศเพื่อนและทรยศตัวเอง" นพดลพูดใส่หน้าใจบุญอย่างเหลืออดก่อนผละจากไป ใจบุญอึ้งไม่คาดคิดมาก่อนว่ายอแสงรักศักดิ์ระพี...

ตกค่ำ ยอแสงนั่งอยู่ริมท่าน้ำบ้านธาดา คิดถึงเรื่องร้ายๆที่ผ่านมาแล้วร้องไห้ เตือนตัวเองว่าไม่ว่าจะเป็นตะวันหรือยอแสง เธอก็เป็นได้แค่ลูกชาวเรือต่ำต้อย ไม่คู่ควรกับอาเล็ก ไม่คู่ควรจะเป็นลูกสาวคุณใหญ่ ทุกอย่างที่ผ่านมาเป็นแค่ความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง แล้วร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด

อินตาแอบมองอยู่ สงสารลูกจับใจแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร หยิบขลุ่ยขึ้นมาเป่าเพลงสาลิกาชมเดือนส่งความรักไปให้ลูก ยอแสงได้ยินเสียงขลุ่ย หวนนึกถึงเรื่องในอดีต

เมื่อตอนยังเป็นเด็ก ยอแสงหรือตะวันเดินจูงมือพ่ออินตาผ่านหน้าร้านขายไก่ย่าง ตะวันอยากกินไก่ย่าง แต่พ่อไม่มีเงินจะซื้อให้ เธอจึงต้องกลับไปกินข้าวกับน้ำพริกมะขาม แต่ข้าวที่บ้านก็มีแค่จานเดียว ไม่มีเงินจะซื้อข้าว สามคนพ่อแม่ลูกต้องแบ่งข้าวจานเล็กๆกินกันพอประทังชีวิต

ตกดึก ตะวันนอนไม่หลับพลิกตัวไปมาเพราะความหิว พ่อจึงหยิบขลุ่ยไปยืนเป่าเพลงสาลิกาชมเดือนที่หัวเรือ กล่อมจนเธอลืมหิว หลับไปกับตักแม่ ยอแสงตื่นจากภวังค์ รีบเดินตามเสียงขลุ่ย ดีใจคิดว่าเป็นพ่อ เดินมาเจอลุงอินยืนเป่าขลุ่ยอยู่ในเรือพาย ผิดหวังน้ำตาซึม เล่าให้ลุงอินฟังว่าพ่อของเธอชอบเป่าขลุ่ยเพลงนี้ ได้ฟังทีไรสบายใจทุกครั้ง แต่ตอนนี้เธอไม่เหลือใครอีกแล้ว ทั้งพ่อ แม่ และคุณใหญ่

อินตาอยากกอดลูกเหลือเกินแต่ต้องฝืนทน ปลอบว่าถึงพ่อแม่จะไม่ได้อยู่ด้วย แต่ความรักของพวกท่านไม่มีวันหมดสิ้น จะติดตามเธอไปทุกที่ ขอให้เธอเข้มแข็ง รักษาความดีไว้ สักวันต้องได้ดี ลุงอินบอกให้เธอไปนอนได้แล้ว เขาจะเป่าขลุ่ยเพลงนี้กล่อมเธอ ยอแสงกลับเข้าบ้าน สบายใจขึ้น

อินตามองตามยอแสง ร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น ก่อนหยิบขลุ่ยขึ้นมาเป่าเพลงสาลิกาชมเดือนจนจบ แล้วนึกถึงนเรนทร์ ลูกแท้ๆของตนเองที่แย่งโอกาสยอแสงไป ป่านนี้จะไปทำอะไรอยู่ที่ไหน คิดแล้วออกไปตามหานเรนทร์จนเจอที่ซอยบ้านเดชาบดินทร์ กำลังเมาฝิ่นไม่ได้สติ โดยมีโตกับเกิดช่วยพยุงปีก

โตกับเกิดเห็นทรัพย์สินมีค่าทั้งเงิน ทั้งสร้อยทองของนเรนทร์ เกิดความโลภอยากได้ จึงหยิบฉวยเอาไป อินตาโกรธจัด ตรงเข้าจัดการกับทั้งคู่จนหนีเตลิด แล้วเก็บเงินทองคืนนเรนทร์ ก่อนประคองเขาไปนอนพักที่เพิงในป่า สายถึงสติไม่ดี เห็นหน้านเรนทร์จำได้ รีบหาผ้ามาชุบน้ำเช็ดหน้าให้

"ลูกกลับมาแล้วๆ...แม่จะไม่ให้ใครเอาลูกของแม่ไปอีก"

นเรนทร์สะลึมสะลือ กุมมือสายไว้ รู้สึกถึงความอบอุ่นที่ไม่เคยได้รับ ยิ้มอย่างมีความสุข เพ้อว่าแม่ยังไม่ตาย อย่าทิ้งเขาไปไหนอีก สายยิ้มทั้งน้ำตา...ดึกคืนนั้น นเรนทร์รู้สึกตัวตื่นขึ้นเห็นหน้าสายรางๆยิ้มเคลิ้มคิดว่าเป็นแม่ดวงพร แต่พอเห็นหน้าชัดๆตกใจลุกพรวด สายโผเข้ากอดไว้แน่น

นเรนทร์ผลักสายล้มลง หนีออกจากเพิงมาเจออินตา หาว่าจับตัวเขามา คิดจะขโมยเงินเขา อินตาชี้แจงว่าเพื่อนนเรนทร์ต่างหากที่ทำ นเรนทร์ไม่เชื่อ สายตามมาเห็นนเรนทร์จะหนี รีบดึงตัวไว้

"อย่าไป ข้างนอกอันตราย พวกมันจะทำร้ายลูก แม่จะปกป้องลูกเอง"

"หุบปาก...อีบ้า ฉันไม่ใช่ลูกแก" นเรนทร์โกรธ ตบสายล้มลง อินตารีบเข้าไปประคอง

นเรนทร์ชี้หน้าด่าทั้งคู่สาดเสียเทเสีย อินตาโมโหจนตัวสั่น ตบหน้านเรนทร์เพื่อสั่งสอน นเรนทร์จะชกอินตาตอบ แต่อินตาอัดนเรนทร์ล้มหมดสติ แล้วพาเอาไปทิ้งไว้หน้าบ้านเดชาบดินทร์ ครู่ต่อมาพริ้มเพราออกมาเจอนเรนทร์ รีบพยุงเข้าบ้าน หายาหม่องมาทารอยฟกช้ำให้

นเรนทร์ร้องโอดโอยบอกให้เบาๆมือหน่อย พริ้มเพราสงสัยว่าไปมีเรื่องกับใครมาอีก พอรู้ว่าเป็นพวกเรือกระแชงที่เคยจอดท่าน้ำเรือนแพ พริ้มเพราถึงกับนิ่งอึ้ง เกรงว่าจะเป็นอินตากับสาย นเรนทร์เห็นป้าพริ้มเงียบไป สงสัยว่าเป็นอะไร พริ้มเพรารีบเปลี่ยนเรื่องพูด แนะนเรนทร์ให้ไปเยี่ยมคุณใหญ่บ้าง จะได้เห็นกับตาว่ายังไม่ฟื้น ตราบใดที่ยังไม่รู้สึกตัว ทุกอย่างในบ้านนี้ก็เป็นของเราสองคน

ooooooo

วันพุธที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

'อาร์ตฟลอร์' ส่งมินิอัลบั้มเอาใจเด็กแนว

กระแสตอบรับดีมากจน 4 หนุ่ม คริน (นักร้องนำ), ต๊อบ (กลอง), แว๊ต (เบส), เกรียง (กีต้าร์) จากวง อาร์ตฟลอร์ ค่าย ไนน์ ริกเตอร์ ในเครือ อาร์เอส ปลื้มสุดๆ โดยเฉพาะแฟนเพลงอินดี้ที่ได้ฟังเพลงทางเว็บไซต์ต่างๆ รวมถึงในมายสเปซต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าทุกเพลงสุดยอดจริงๆ 4 หนุ่ม เลยส่งมินิอัลบั้ม อาฟเตอร์วอร์ ให้แฟนเพลงจับจองเป็นเจ้าของเพื่อตอบแทนแฟนๆซะเลย "ขอบคุณแฟนเพลงมากๆครับที่ชื่นชอบเพลงของพวกเรา เพราะตั้งแต่ปล่อยเพลงแรก "มหานคร" ไป ก็ได้กระแสตอบรับที่ดีมาก มีแฟนๆโทรศัพท์เข้าไปขอเพลงทางรายการวิทยุจนทำให้เพลงขึ้นอันดับหนึ่งในหลายๆคลื่นวิทยุชาวอินดี้ (ยิ้ม) พอพวกเราปล่อยเพลงใหม่ "เปียโน" ออกมา ก็มีแฟนๆ บอกกันเข้ามาว่าเพลงนี้ก็โดนใจพวกเขานะ (ยิ้ม) ผ่านไปไม่กี่สัปดาห์ ก็ขึ้นอันดับหนึ่งเช่นเดียวกัน พวกเราดีใจมากจริงๆ ครับ ไม่คิดว่าจะมีแฟนเพลงรอฟังเพลงของพวกเรามากขนาดนี้ ก็เลยคิดๆ กันว่าอยากทำอะไรเพื่อแฟนเพลงบ้าง เลยเกิดเป็นมินิอัลบั้ม "อาฟเตอร์วอร์" ขึ้นมาครับ สำหรับมินิอัลบั้มมีทั้งหมด 8 เพลง เป็นเพลงที่ครินแต่งขึ้นเองทั้งหมด ก็จะมีเพลงที่ปล่อยออกไปให้ฟังกันบ้างแล้ว ทั้งมหานคร, เปียโน และเพลง "เคย" และมีเพลงซิงเกิ้ลใหม่ล่าสุด "บทกวี" เพลงนี้พิเศษขึ้นมาอีก เพราะได้ เนย ซินญอริต้า มาร่วมแจมด้วยครับ (ยิ้ม) ต้องขอขอบคุณเนยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ขอฝากมินิอัลบั้มให้แฟนๆได้จับจองกันด้วยนะครับ ตอนนี้ก็วางแผงเรียบร้อยแล้ว ถ้าแฟนเพลงฟังแล้วชอบหรือไม่ชอบ ติชมกันได้ที่ http://www.Artfloor.hi5.com และ www.myspace.com/artfloorafterwar นะครับ